แนะนำ ล่าสุดจาก ออมสิน เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5 และเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 10 ดอกเบี้ยสูงสุด 0.40% ต่อไป บุคคลธรรมดาไม่ต้องหักภาษี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบริหาร จัดการ ฝากเงินให้มีความคุ้มค่าที่สุด วางแผนเป็นเงินสำรองในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป
ธนาคารออมสิน มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อมอบข้อเสนอที่ดีที่สุดให้ลูกค้า
โดยเฉพาะในด้านการออม ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญของการออมที่จะเป็นรากฐานที่สำคัญของประเทศและสังคมในอนาคต ล่าสุด ธนาคารออมสินได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5” และ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 10” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ผู้ฝากสามารถบริหารจัดการเงินฝากได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ทั้งในแง่ของการใช้จ่ายที่สามารถถอนเงินในบัญชีเท่าใดก็ได้ ขณะเดียวกัน เงินส่วนที่ยังอยู่ก็ได้ผลตอบแทน และเป็นเงินสำรองต่อไปในอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป โดยบุคคลธรรมดาไม่ต้องหักภาษี
ผลิตภัณฑ์ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 5” ออมสั้น อัตราดอกเบี้ย 0.35% ต่อปี ได้รับดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 5 เดือน และผลิตภัณฑ์ “เงินฝากเผื่อเรียกพิเศษ 10” ออมยาว อัตราดอกเบี้ย 0.40% ต่อปี ได้รับดอกเบี้ยเมื่อฝากครบ 10 เดือน ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับตนเองได้ โดยในการเปิดบัญชีต้องเปิดขั้นต่ำ 10,000 บาท และฝากเพิ่มครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 บาท เมื่อครบระยะเวลารับฝาก ธนาคารจะโอนยอดเงินฝากและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอนที่ผู้ฝากแจ้งไว้ โดยในช่วงระยะเวลาดังกล่าวผู้ฝากสามารถถอนเงินในบัญชีจำนวนเท่าใดก็ได้ สำหรับบุคคลธรรมดาไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย
การคำนวณอัตราดอกเบี้ยเงินฝากจะคิดดอกเบี้ยแบบทบต้น (Compound Interest Rate) ที่นำดอกเบี้ยที่ได้รับในงวดก่อนมารวมเป็นเงินตั้งต้นเพื่อคำนวณดอกเบี้ยในงวดต่อไป ซึ่งพูดให้เข้าใจง่ายก็คือดอกเบี้ยของดอกเบี้ย ยิ่งระยะออมหรือลงทุนนานก็จะทำให้เราได้รับประโยชน์ทบทวี ด้วยเงินต้นที่เพิ่มขึ้นทุกปีจากการที่ดอกเบี้ยสร้างผลตอบแทนให้นั่นเอง
ดอกเบี้ยเงินกู้ เป็นผลตอบแทนที่ผู้ให้กู้เรียกเก็บจากผู้ขอกู้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีหลายประเภท หลายอัตรา โดยทั่วไปขึ้นอยู่กับประเภทของเงินกู้หรือสินเชื่อ การกู้เงินจากสถาบันการเงินนั้นมักจะมีอัตราดอกเบี้ยซึ่งถูกควบคุมโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันกำหนดไม่ให้เกินร้อยละ 15 ต่อปี นอกจากนั้นยังมี ดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ กับแบบลดต้นลดดอก และอัตราดอกเบี้ยแบบผสม ที่ผู้ที่ต้องการกู้เงินควรศึกษา วิธีคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ให้ดีก่อนทำการกู้สินเชื่อ
อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate) | วิธีการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
เป็นสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงกัน ณ วันที่ให้สินเชื่อ และจะคิดแบบอัตราคงที่ไปตลอดระยะเวลาการให้สินเชื่อ ดังนั้น เงินที่ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละงวดก็จะคงที่ตลอดระยะเวลากู้ ตัวอย่างสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ ได้แก่ สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อตู้เย็น สินเชื่อประเภทนี้จะให้ค่า Effective Interest Rate ที่สูง
วิธีคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แบบเงินต้นคงที่ (Flat Rate)
เช็กวิธีคิด อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ แบบเงินต้นคงที่ คำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด ดังนี้
ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด = เงินต้น x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x ระยะเวลา (ปี)
จำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละงวด = เงินต้น + ดอกเบี้ยที่ต้องชำระทั้งหมด / จำนวนงวดที่ต้องผ่อนชำระทั้งหมด
เป็นสินเชื่อที่อัตราดอกเบี้ยจะเปลี่ยนแปลงไปตามประกาศอัตราดอกเบี้ยของธนาคารแต่ละช่วงเวลา โดยทั่วไปธนาคารจะใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำอย่าง MLR และ MRR เป็นอัตราอ้างอิงสำหรับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ทั้งนี้ ในสหรัฐอเมริกา นิยมเรียกสินเชื่อจำลองอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวว่า Adjustable Rate Mortgage (ARM)
MLR, MOR และ MRR คืออะไร ?
โดยทั่วไป อัตราดอกเบี้ย MRR จะสูงกว่า MOR และ อัตราดอกเบี้ย MOR จะสูงกว่า MLR ซึ่งส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ย MRR และ MLR เป็นตัวสะท้อนระดับความเสี่ยงที่ต่างกันระหว่างลูกค้ารายใหญ่และรายย่อย
Minimum Loan Rate (MLR) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบกำหนดระยะเวลา
Minimum Overdraft Rate (MOR) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายใหญ่ ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี
Minimum Retail Rate (MRR) คือ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำที่ธนาคารเรียกเก็บจากลูกค้ารายย่อยชั้นดี
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป